อาหารโรคไต อิ่มอร่อยปลอดภัย ไตไม่พัง
- Chonnikan M.
- 28 ต.ค.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 31 ต.ค.
เป็นโรคไตแล้ว…ต้องงดเค็ม งดเนื้อ งดทุกอย่างจริงไหม?คำถามนี้เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรคไตหลายคนกังวลที่สุดค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องอดทุกอย่าง เพียงแค่รู้วิธีเลือกกินให้เหมาะในแต่ละระยะของโรคไต ก็สามารถใช้ชีวิตและกินอาหารได้เหมือนคนปกติเลยค่ะ
บทความนี้ คลินิกเวชกรรมไตเทียมพัทยา เราจะพามาทำความเข้าใจกันแบบง่าย ๆ ว่า ในแต่ละระยะของโรคไต ผู้ป่วยควรเลือกกิน อาหารโรคไต แบบไหนถึงจะ ช่วยถนอมไต และ ไม่ทำให้โรคแย่ลง พร้อมทั้งแนะนำเมนู อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต เป็นไอเดียให้ได้ไปทานตามๆกันค่ะ

อาหารโรคไต สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 1-3
ช่วงนี้ถือว่ายังเป็น “ระยะเริ่มต้น” ของโรค (ระยะที่ไตยังทำงานได้บางส่วน) ผู้ป่วยหลายคนยังไม่มีอาการชัดเจน แต่ควรเริ่มดูแลเรื่องอาหารตั้งแต่ตอนนี้เพื่อชะลอความเสื่อมของไตให้นานที่สุด
พลังงานของสารอาหารที่ควรได้รับ: ประมาณ 30-35 กิโลแคลอรีต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน เช่น น้ำหนัก 60 กก. ก็ควรได้พลังงานราว 1,800–2,100 กิโลแคลอรีต่อวัน (วิธีคิด 60 × 30 = 1,800 กิโลแคลอรี/วัน )

1.อาหารโรคไต ประเภทโปรตีนที่ควรลดแต่ไม่งด
ผู้ป่วยควรได้รับ โปรตีนวันละ 0.6 กรัม/กก.ของน้ำหนักตัว เช่น คนหนัก 60 กก. ควรได้รับโปรตีนราว 36 กรัมต่อวัน (วิธีคิด โปรตีนที่ควรได้รับต่อวัน (กรัม) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) × 0.6 )
สัดส่วนครึ่งหนึ่งของประเภทโปรตีนควรมาจาก โปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว
หากจำกัดโปรตีนมาก (เช่น 0.4 กรัม/กก.) ควรได้รับกรดอะมิโนจำเป็นเสริมตามคำแนะนำแพทย์
2.ไขมัน – เลือกทานอาหารโรคไตที่เป็น ไขมันชนิดดี
จำกัดไขมันอิ่มตัว เช่น เนย หมูสามชั้น กะทิ และควรเลือกทานไขมันดี เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก หรือปลาแซลมอนในปริมาณพอเหมาะ
3.เกลือแร่ ในอาหารที่ผู้ป่วยโรคไตควรระวังให้มากที่สุด
โซเดียม: ต้องจำกัดเกลือให้น้อยกว่า 2 กรัม/วัน (ประมาณ 1 ช้อนชา)หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองหรือผลไม้อบแห้งที่มีโซเดียมสูง
ฟอสฟอรัส: งดอาหารที่มีฟอสฟอรัสเยอะ เช่น ถั่ว นม ไข่แดง งา กาแฟ
โพแทสเซียม: ระยะนี้ยังไม่ต้องงดมาก เพราะไตยังขับของเสียได้ดีแต่ถ้าแพทย์แจ้งว่าค่าโพแทสเซียมในเลือดสูง ค่อยเริ่มจำกัดปริมาณ อย่างผลไม้ที่กินได้ เช่น องุ่น ชมพู่ แพร์ พีช ผลไม้ที่ควรเลี่ยง เช่น ทุเรียน กล้วย แคนตาลูป มะขาม
น้ำดื่ม ถ้ายังปัสสาวะได้ปกติ สามารถดื่มน้ำได้ตามปกติ แต่ถ้ามีอาการบวม ควรเริ่มจำกัดน้ำตามคำแนะนำของแพทย์
อาหารโรคไต สำหรับผู้ป่วยโรคไตระยะที่ 4-5
ระยะที่ไตเสื่อมมาก หรืออยู่ระหว่างฟอกเลือด เมื่อถึงระยะนี้ ไตจะไม่สามารถขับของเสียได้เหมือนเดิมแล้ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะต้องได้รับการ ฟอกเลือด (Hemodialysis) เพื่อช่วยกำจัดของเสียและน้ำส่วนเกิน
แต่การฟอกเลือดก็ทำให้ร่างกายสูญเสียสารอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะ โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ ดังนั้นเรื่องอาหารจึงสำคัญมาก! ที่ต้องให้ความสำคัญ

1.โปรตีน – ในอาหารโรคไต ควรทานเพิ่มขึ้นจากระยะก่อน
ผู้ป่วยโรคไตระยะนี้ควรได้รับโปรตีน 1.0–1.2 กรัม/กก.น้ำหนักตัว/วัน เช่น คนหนัก 60 กก. ควรได้รับโปรตีนราว 60–72 กรัม (วิธีคิด โปรตีนที่ควรได้รับต่อวัน (กรัม) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) × 1.0–1.2 )
เลือกทานโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อปลา เนื้อไม่ติดมัน ไข่ขาววันละ 2–3 ฟอง
หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมัน หนังหมู หนังเป็ด เครื่องใน และไข่แดง
📍แต่ถ้ากินโปรตีนน้อยเกินไป ร่างกายจะอ่อนแอ ภูมิตก แต่ถ้ามากเกินไป ของเสียจะคั่งในเลือดและฟอกออกไม่หมดดังนั้นเลือกกินแบบ “พอดี” หรือตามคำแนะนำแพทย์จะดีที่สุด
2.ไขมัน – เลือกกินไขมันดี หลีกเลี่ยงของทอด
ผู้ป่วยโรคไตที่ต้องฟอกเลือดมักมีไขมันในเลือดสูง ควรเลี่ยงไขมันอิ่มตัว เช่น เนย ชีส กะทิ และเลือกใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่
ไข่แดง ไข่ปลา ปลาหมึก หอยนางรม
เครื่องในสัตว์
เบเกอรี่และของทอด เช่น เค้ก พาย ครัวซอง
อาหารฟาสต์ฟู้ด เช่น เบอร์เกอร์ พิซซ่า
3.พลังงาน – ต้องทานให้เพียงพอ ไม่งั้นกล้ามเนื้อจะสลาย
ผู้ป่วยควรได้รับพลังงาน 30–35 กิโลแคลอรี/กก./วัน ประมาณ 60% มาจากแป้ง และ 30% จากไขมันถ้ากินน้อยเกินไป น้ำหนักจะลด และกล้ามเนื้อจะสลายเร็ว
4.เกลือแร่ – สำหรับใน อาหารโรคไต ที่ต้องควบคุม

โซเดียม: จำกัดไม่เกิน 1–2 กรัมต่อวัน (เกลือ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา 2–5 ช้อนชา)งดอาหารหมักดอง อาหารแปรรูป และของขบเคี้ยว
ฟอสฟอรัส: จะพบในถั่ว เมล็ดพืช นม ไข่แดง ช็อกโกแลต และควรกินยาที่ช่วยจับฟอสฟอรัสพร้อมมื้ออาหารตามที่แพทย์สั่ง
โพแทสเซียม: ควบคุมผลไม้ให้เหมาะสมเช่น เลือกกิน แอปเปิ้ล ชมพู่ องุ่น ในปริมาณพอดี
5.วิตามิน – ที่จำเป็นทานควบคู่กับ อาหารโรคไต
การฟอกเลือดทำให้สูญเสียวิตามินกลุ่มบีและซี ควรทานวิตามินเสริมตามคำแนะนำแพทย์แต่ หลีกเลี่ยงวิตามินเอ และ วิตามินซีขนาดสูง เพราะอาจสะสมในร่างกาย
6.น้ำดื่ม
ผู้ป่วยโรคไตระยะ 4–5 ดื่มน้ำน้อยไปก็ไม่ดี ดื่มมากไปก็อันตราย!
ช่วงที่ไตทำงานได้น้อย ร่างกายจะขับน้ำออกได้น้อย ถ้าดื่มน้ำมากเกินไป ร่างกายจะเกิด “ภาวะน้ำเกิน” ทำให้ตัวบวม หายใจเหนื่อย หรือหัวใจทำงานหนักได้

ดื่มเท่าไหร่ถึงจะพอดี?โดยทั่วไป หมอจะแนะนำให้ดื่มน้ำ “ประมาณเท่ากับปัสสาวะที่ออกในแต่ละวัน”บวกเพิ่มอีกนิดหน่อยพอให้ชุ่มคอ (ประมาณครึ่งขวดน้ำเล็ก) ไม่ต้องนับปัสสาวะแต่ละหยดให้ยุ่งยากค่ะ แค่จำหลักง่าย ๆ ว่า
ถ้ายังพอมีปัสสาวะ → ดื่มน้ำได้ แต่ไม่ควรดื่มรวดเดียวเยอะ ๆ
ถ้าปัสสาวะออกน้อยมากหรือไม่มีเลย → ควรจำกัดน้ำตามที่หมอสั่ง
อย่าลืมนะว่า “น้ำ” หมายถึงของเหลวทุกอย่าง ทั้งน้ำดื่ม น้ำซุป น้ำผลไม้ น้ำแข็ง หรือของหวานที่มีน้ำ เช่น วุ้นและไอศกรีมก็ต้องนับรวมด้วยค่ะ
เมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต
อร่อยง่าย ๆ ได้ประโยชน์ ช่วยควบคุมอาหารไปพร้อมกัน ตัวอย่างเมนูที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต

ไก่ผัดพริกขิง เลือกใช้เนื้อไก่ส่วนน่อง หลีกเลี่ยงเครื่องในหรือส่วนที่มีพิวรีนสูง ขิงช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอลได้ดี
มะระจีนผัดไข่ มะระจีนเป็นผักที่มีโพแทสเซียมต่ำ เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต ส่วนไข่ไก่ก็เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี
ผัดเปรี้ยวหวานหมู ใช้เนื้อหมูไม่ติดมัน และเลือกผักที่โพแทสเซียมต่ำ เช่น แตงกวา เห็ด หรือกะหล่ำปลี
แกงส้มปลาใช้น้ำมันรำข้าวเล็กน้อยและปลาในปริมาณพอดี เติมผักที่เหมาะ เช่น ดอกแค หรือมะละกอดิบ เพื่อเพิ่มใยอาหารและรสชาติ

วุ้นเส้นไก่ผัด วุ้นเส้นช่วยควบคุมปริมาณโปรตีนให้เหมาะสม ใช้ไก่ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผัดกับน้ำมันรำข้าวและผักกาดขาว
ผัดบวบใส่ไข่ บวบเป็นผักที่มีโพแทสเซียมต่ำ เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต เพิ่มโปรตีนดีจากไข่ไก่ในปริมาณที่พอดี
โจ๊กไข่ขาว ไข่ขาวให้โปรตีนที่มีกรดอะมิโนครบถ้วน แถมมีโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสต่ำ จะเพิ่มเนื้อปลาเล็กน้อยก็ช่วยให้รสชาติดีและได้สารอาหารครบขึ้น
สรุป
การดูแลอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควรเน้น “คุณภาพ” มากกว่าปริมาณ โดยรับประทานครบทั้ง 5 หมู่ เลือกโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ปลา หรือไข่ขาว หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัดและของหมักดอง ใช้น้ำมันดีต่อสุขภาพอย่างน้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันมะกอก และเลือกผลไม้ที่มีโพแทสเซียมต่ำ เช่น แอปเปิ้ล ชมพู่ หรือองุ่น เพื่อช่วยชะลอภาวะไตเสื่อมให้ดีขึ้น ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับอาหารให้เหมาะกับระยะของโรค และนอกจากเรื่องอาหารที่ต้องให้ความสำคัญแล้ว การพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ผ่อนคลายไม่เครียด ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคไตนั้นมีทั้งสภาพร่างกายที่ดีและจิตใจแจ่มใสอีกด้วย

หากใครที่เป็นโรคไตหรือมีบุคคลในครอบครัวที่เป็นผู้ป่วยโรคไตอยู่ในระยะที่มีความจำเป็นต้องฟอกไตต้องการมาเที่ยวพักผ่อนย่อนใจแถวๆพัทยา ที่ คลินิกเวชกรรมไตเทียมพัทยา (Pattaya Dialysis) เราพร้อมให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่ได้มาตรฐานสากล การเดินทางสะดวกสบายอยู่ใจกลางเมืองพัทยา สถานที่ สะอาด ปลอดภัย มีทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญดูแลใส่ใจเหมือนได้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับทางเราได้เลยค่ะ คลิกที่นี่
ปรึกษาฟรี หรือติดต่อจองคิวฟอกไตล่วงหน้าได้ที่
📞โทร. 082-657-7699
📞โทร. 081-687-6346
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ และ Vimut Hospital




ความคิดเห็น